วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การแต่งกายของวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน





การแต่งกายของวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน

 

     การแต่งกายของวัยรุ่นในปัจจุบัน ถูกมองว่าน่าเกลียด ฝ่าฝืนจารีตประเพณี โดยเฉพาะการแต่งกายของวัยรุ่นหญิงที่นุ่งประโปรงสั้น ใส่เสื้อรัดรูป เกาะอก วัยรุ่นชายทำสีผม เจาะหู เจาะลิ้น เจาะคิ้ว ลักษณะการแต่งกายเหล่านี้อาจดูประหลาด ขัดหูขัดตาผู้ใหญ่ หลายคนอาจถามว่าวัยรุ่นไทยแต่งตัวเหมาะสมหรือไม่ ถูกกาลเทศะหรือไม่ เลียนแบบตะวันตกหรือไม่ ทำลายวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยหรือไม่ คำถามเหล่านี้ได้รับการถกเถียงระหว่างนักอนุรักษ์นิยมกับหัวก้าวหน้า และดูเหมือนแต่ละฝ่ายจะมองข้ามรายละเอียดบางอย่างไป 


     สิ่งที่สังคมไทยยังขาดอยู่มากก็คือการทำความเข้าใจความหลากหลายของมนุษย์และวิถีชีวิต ถ้าการแต่งกายเป็นการแสดงออกทางสังคมประเภทหนึ่ง ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเผ่าพันธุ์ต่างมีเป็นของตัวเอง กลุ่มผู้หญิงย่อมมีการแต่งกายของตัวเอง เช่นเดียวกับผู้ชาย เกย์ กะเทย วัยรุ่นก็เป็นกลุ่มทางสังคมประเภทหนึ่งที่ต้องการแสดงออก และสื่อสารในสิ่งที่เขาเชื่อว่ามีคุณค่ากับชีวิต การใส่เสื้อผ้าแปลกๆ รัดรูป หรือรุ่มร่าม อาจเป็นการแสดงคุณค่าของตัวตนบางอย่าง เช่นเดียวกับการที่ผู้ใหญ่นิยมสวมชุดไทยผ้าไหม หรือสวมสูทแบบนักธุรกิจแฟชั่นการแต่งกายจึงเป็นทางเลือกที่ไร้ขอบเขต 


     จากการศึกษาของริชาร์ด อัลฟอร์ด(Richard Alford) เรื่องวัฒนธรรมการตกแต่งร่างกายในสังคมพื้นเมือง 60 แห่งทั่วโลกพบว่า 15 เปอร์เซ็นต์ของสังคมเหล่านั้น ผู้ชายไม่นิยามสวมเสื้อผ้า แต่มีเพียง 7เปอร์เซ็น ผู้หญิงไม่สวมเสื้อผ้า หนึ่งในห้าของผู้ชาย และหนึ่งในสามของผู้หญิงจะสวมเสื้อผ้าชิ้นล่าง สองในสามของสังคม 60 แห่งนั้น ชายและหญิงจะสวมเสื้อผ้าทั้งท่อนบนและล่าง หนึ่งในสี่ของสังคมเหล่านี้ จะใช้เปลือกไม้ หรือหนังสือมาเป็นเสื้อผ้า แต่เทคนิคการทอผ้าแตกต่างกันไปในแต่ละสังคม จากอดีตสู่ปัจจุบัน วิวัฒนาการการแต่งกายของวัยรุ่นไทย เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ส่วนมากเป็นไปในทิศทางที่ไม่เหมาะสม เรา ในฐานะที่เป็นวัยรุ่นไทยควรที่จะประพฤติและปฏิบัติตนให้เหมาะสม ถูกกาลเทศะ


ความแตกต่างในการแต่งกาย
     มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่อ่อนแอที่สุดในทางฟิสิกส์ เพราะผิวหนังของมนุษย์มีความบอบบาง จึงจำเป็นต้องมีสิ่งปกคลุมร่างกายเพื่อสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ จากความจำเป็นนี้จึงเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญในอันที่จะแต่งกาย เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์เอง โดยมีสังคมและสิ่งอื่นๆประกอบกัน และเครื่องแต่งกายก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามสาเหตุนั้นๆ คือ





1. สภาพภูมิอากาศ
     ประเทศที่อยู่ในภูมิอากาศแถบเส้นอาร์คติก ซึ่งมีอากาศที่หนาวเย็นมาก มนุษย์ในแถบภูมิภาคนี้จะสวมเสื้อผ้าซึ่งทำมาจากหนังหรือขนของสัตว์ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ส่วนในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนอบอ้าว เสื้อผ้าที่สวมใส่จะทำจากเส้นใย ซึ่งทำจากฝ้าย แต่ในทวีปอัฟริกา เสื้อผ้าไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับใช้ในการป้องกันจากสภาพอากาศ แต่เขากลับนิยมใช้พวกเครื่องประดับต่างๆที่ทำจากหินหรือแก้วสีต่างๆ ซึ่งมีอยู่ในธรรมชาตินำมาตกแต่งร่างกาย เพื่อใช้เป็นเครื่องลางหรือเครื่องป้องกันภูติผีปีศาจอีกด้วย


2. ศัตรูทางธรรมชาติ
     ในภูมิภาคเขตร้อน มนุษย์จะได้รับความรำคาญจากพวกสัตว์ปีกประเภทแมลงต่างๆ จึงหาวิธีขจัดปัญหาโดยการใช้โคลนพอกร่างกายเพื่อป้องกันจากแมลง ชาวฮาวายเอี้ยน แถบทะเลแปซิฟิค สวมกระโปรงซึ่งทำด้วยหญ้า เพื่อใช้สำหรับป้องกันแมลง แต่ก็ได้กลายเป็นที่เก็บแมลงเสียมากกว่า ชาวพื้นเมืองโบราณของญี่ปุ่นรู้จักใช้กางเกงขายาว เพื่อป้องกันสัตว์และแมลง



3. สภาพของการงานและอาชีพ
     หนังสัตว์และใบไม้สามารถใช้เพื่อป้องกันอันตรายจากภายนอก เช่น การเดินป่าเพื่อหาอาหาร มนุษย์ก็ใช้หนังสัตว์และใบไม้เพื่อป้องกันการถูกหนามเกี่ยว หรือ ถูกสัตว์กัดต่อย ต่อมา สามารถนำเอาใยจากต้นแฟลกซ์ ( Flax ) มาทอเป็นผ้าที่เรียกกันว่า ? ผ้าลินิน ? เมื่อความเจริญทางด้านวิทยาการมีมากขึ้น ก็เริ่มมีสิ่งที่ผลิตเพิ่มขึ้นอีกมากมายหลายชนิด สมัยศตวรรษที่ 19 เสื้อผ้ามีการวิวัฒนาการเพิ่มมากขึ้น มีผู้คิดประดิษฐ์เสื้อผ้าพิเศษ เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้สวมใส่ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานประเภทต่างๆ เช่น กลาสีเรือล่าปลาวาฬ คนงานเหมืองแร่ เกษตรกร คนงานอุตสาหกรรม ข้าราชการทหาร ตำรวจ พนักงานดับเพลิง เป็นต้น
     อันตรายต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างปฏิบัติงาน ทำให้ความต้องการของมนุษย์ในด้านเสื้อผ้ามีมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ เสื้อผ้าที่ผลิตขึ้นมานั้นได้มีการปรับปรุงและตกแต่งพิเศษเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับอาชีพต่างๆ เช่น ให้มีความคงทนต่อสารเคมี ทนต่อพิษ และ อุณหภูมิ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งพิเศษอื่นอีก อาทิเช่น ทนต่อการซักและทำความสะอาด ไม่เป็นสื่อไฟฟ้า ไม่ดูดซึมน้ำ และไม่เป็นตัวนำความร้อน เป็นต้น



4. ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมและศาสนา
     เมื่อมนุษย์มีสติปัญญามากยิ่งขึ้น มีการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มชน และจากการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะนี้เอง จึงจำเป็นต้องมีระเบียบและกฎเกณฑ์ในอันที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข โดยไม่มีการรุกรานซึ่งกันและกัน จากการปฏิบัติที่กระทำสืบต่อกันมานี้เอง ในที่สุดได้กลายมาเป็นขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมขึ้น
     ในสมัยโบราณ เมื่อมีการเฉลิมฉลองประเพณีสำคัญต่างๆ เช่น การเกิด การตาย การเก็บเกี่ยวพืชผล หรือเริ่มมีการสังคมกับกลุ่มอื่นๆ ก็จะมีการประดับหรือตกแต่งร่างกาย ให้เกิดความสวยงามด้วยเครื่องประดับต่างๆ เช่น ขนนก หนังสัตว์ หรือทาสีตามร่างกาย มีการสักหรือเจาะ บางครั้งก็วาดลวดลายตามส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อแสดงฐานะหรือตำแหน่ง ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีหลงเหลืออยู่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวพื้นเมืองของประเทศต่างๆ ศาสนาก็มีบทบาทสำคัญในการแต่งกายด้วยเหมือนกัน ในสมัยสงครามทางศาสนา เช่น ? สงครามครูเสด ? ซึ่งเป็นสงครามที่ยืดเยื้อนานกว่า 300 ปี การสงครามที่ยาวนานทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างข้าศึกเกิดขึ้น ทำให้ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดและวัฒนธรรมซึ่งกันและกันตามมา


5. ความต้องการดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้าม
     ธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเจริญเติบโตขึ้น ย่อมมีความต้องการความสนใจจากเพศตรงกันข้าม โดยจะมีการแต่งกายเพื่อให้เกิดความสวยงาม มีการจับจ่ายใช้สอยในเรื่องเสื้อผ้ามากยิ่งขึ้น ผู้ที่ทำหน้าที่สนองความต้องการนี้ได้ดีที่สุดก็คือ นักออกแบบเสื้อผ้า ซึ่งได้พยายามออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามระดับของสังคมและเศรษฐกิจของผู้สวมใส่


6. เศรษฐกิจและสภาพแวดล้อม
     สถานะภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของมนุษย์ แต่ละบุคคลย่อมไม่เหมือนกัน จึงทำให้เกิดการแต่งกายที่แตกต่างกันออกไป สังคมทั่วไปมีหลายระดับชนชั้น มีการแบ่งแยกกันตามฐานะทางเศรษฐกิจ เช่น ชนชั้นระดับเจ้านาย ชาวบ้าน และกรรมกร การแต่งกายสามารถบอกได้ถึงสถานภาพทางสังคมของผู้สวมใส่ได้อีกด้วย


14 สไตล์ แนวการแต่งตัวของวัยรุ่น


1.เกาหลี (Korea)




     ตอนนี้กระแสเกาหลีกำลังมากแรงไม่ว่าจะเป็นไอดอล เพลง ไม่เว้นแต่เสื้อผ้าเสื้อผ้าเกาหลีจะออกแนว เรียบแต่ดูดี มีทุกสัสันใส่ได้ทุกงาน กำลังเป็นที่นิยมมากที่สุด


2.ญี่ปุ่นฮาราจุกุ  (Japan)





     เป็นแนวการแต่งตัวที่แอ็บแบ๊วมากที่สุดหรือแนวๆ คอสเพลย์แบบญี่ปุ่นๆคิดว่าหลายๆ คนคงชอบค่ะ

3.Gankuro





    สาวๆ จะนิยมทาหน้าทาตัวให้ดำ และย้อมผมสีทอง ใส่ไมโครสเกิร์ตและรองเท้าบูต ซึ่งเราจะเรียกว่า แฟชั่น Gankuro-หน้าดำ ซึ่งนับว่า เป็นแฟชั่นที่หลุดโลกมากทีเดียว


4.พั้งก์ (Punk)



     เด็กพั้งก์มักไม่อยู่คนเดียว ส่วนใหญ่จะอยู่เป็นกุล่ม ซึ่งกลุ่มเด็กพั้งก์ที่ว่านี้มีหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นพั้งก์ร็อค อีโมพั้งก์ พั้งก์เมทอล พั้งสกา พั้งสเก็ต และอีกสารพัดพั้งก์ แต่งตัวส่วนใหญ่เน้นสีดำ ทาเล็บ ปากสีดำ ใส่เสื้อแจ๊คเก็ต กางเกงขารู๊ดรัดปลายขา รองเท้าหนัง บางกลุ่มยัดปลายกางเกงไว้ในรองเท้า เครื่องประดับเน้นทำมาจากเหล็กสีเงิน ออกแนวดุ โหด
     มีสองประเภทคือพั้งค์แบบออริจินอล (แบบฝรั่งอ่ะ) แล้วก็ U.K.Punk (พั้งค์แบบญี่ปุ่น)


5.Emo



     คล้ายๆ พังค์แต่จะไม่เวอร์มาก คล้ายเด็กแมค นิยมทาขอบตาเป็นสีดำเจาะตามร่างกาย เช่น จมูก ปาก (บลาๆๆๆ) ใส่เสื้อยืคสกีนโหดๆ อาร์ตๆ เข็มขัดหัวหมุด รองเท้าผ้าใบ ทำผมข้างหลังให้ฟูมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนผมข้างหน้าทำให้ตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
*เหมาะสำหรับคนผิวขาวมากๆ ถึงมากที่สุด

6.เด็กบอร์ด,เด็กฮิป (Hiphop)



     เด็กแนวนี้จะใส่เสื้อและกางเกงตัวใหญ่ๆ ขาสามส่วน จะชอบเพลงแนวฮิปฮอป ไปไหนก็มักไปกันเป็นกลุ่ม

7.เด็กอินดิเพนเด้นท์  (Indy)



     ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมมากๆ ออกแนวย้อนยุค (บางคนเอาเสื้อยายมาใส่ยังมี) ตรงตัวเลยคือแต่งตัวต้องไม่ซ้ำแบบใคร จุดเด่นของแนวนี้เน้นเสื้อสีแป๋นๆ สดๆ ลายเสื้อและกางเกงเป็นเส้นขวางตัดไขว้ไปไขว้มา สุดท้ายต้องใส่แว่นตาสีสดๆ หรือแว่นตาไม่เลนส์ที่เรียกกันว่าแว่นเด็กเนิร์สนั่นเอง

8.โบฮีเมียน (Bohemian)

     แนวนี้อาจไม่ค่อยฮิตมากในหมู่วัยรุ่น เสื้อผ้าจะออกเป็นแนวยิปซี หมอดู แบบคล้ายๆ ปาร์มมี่อ่ะค่ะ
ปล่อยผ้ายาวๆ ดัดลอนเล็ก ชุดมีลวดลาย สีสันสวยงาม เครื่องประดับมากๆ จำพวก กำไล สร้อยข้อเท้า ส่วนใหญ่จะนิยมในพวกเด็กอาร์ต เด็กติสค่ะ


9.เด็กแมค
     เด็กแมคนับเป็นแนวที่กำลังมาแรงที่สุด ซึ่งเด็กแนวนี้จะเลียนแบบการแต่งตัวของชาวเม็กซิกันสมัยก่อน ตัดผมสั้นเกรียน ที่สำคัญต้องห้อยสร้อยไม้กางเขน เสื้อตัวใหญ่ๆ สกรีนรูปโหดๆ อย่างกระโหลกไขว้ สวมถุงเท้าให้ตึงจนถึงเข่า นุ่งกางเกงตัวโคร่ง แถมใส่แว่นดำในเวลากลางคืน

10. สกาเร็กเก้



     แนวนี้ส่วนใหญ่จะแต่งเอาแนวอ่ะค่ะ เน้นสี เขียว เหลือง แดง เท่านั้น ผมฟูๆ สีดำ หรือ น้ำตาล ต่งกันเฉพาะคนผิวดำ

11.เด็กเซอร์ 




12.เด็กแซป


     คือพวกที่ชอบทำตัวเซอร์ๆ แต่งตัวเซอร์ๆ ที่เด่นสุดคือกางเกง จะเป็นกางเกงยีนส์ที่ใส่บ่อยๆจนเก่า+ริ้วขึ้น ประมาณว่ายิ่งเก่าจะยิ่งเซอร์ ที่สวนจตุจักรจะมีร้านขาย-รับ อยู่หลายร้าน ยิ่งเก่าได้เท่าไหร่ก็มีราคามากขึ้นเท่านั้น ส่วนรองเท้าเด็กเซอร์จะนิยมใช้converse ที่มันเก่าๆขาดๆ เสื้อก็เสื้อยืดธรรมดา การแต่งตัวจะตรงกับชื่อคือ "เซอร์"



     ลักษณะเด่นๆ ของเด็กแนวอย่างเด็กแซป คือทรงผมดูยุ่งๆ ปาดหน้า
ใส่เสื้อตัวเล็กรัดรูป หรือใส่เสื้อเชิ้ตมีลายพร้อย นุ่งกางเกงขาเดฟ หรือกางเกงลายทหาร ถุงเท้าขาวดึงขึ้นสูง รองเท้าต้องผ้าใบยี่ห้อคอนเวิร์ส ออสตาร์ หรือแจ็คพาเซล บางครั้งใส่เสื้อทับสีดำ และเสื้อข้างในสีส้มหรือเสื้อทหารลายพลาง นุ่งกางเกงฟุตบอล ใส่รองเท้าคีบ ถ้าเป็นผู้หญิงจะซอยผมด้านบนให้สูงๆ สั้นๆ แต่ยังคงความยาวไว้ และเรียกว่า "สก๊อย" หรือ "เลดี้แซป" เป็นพวกเดียวกับเด็กแซป นุ่งกางเกงขาสั้นลายดอกสีชมพู เสื้อสีขาวตัวเล็ก ใส่รองท้าหูคีบ


13.เด็กเทส,เด็กแว้น,เด็กแป๊น
     "เด็กเทส" หรือ "เด็กแว้น" "เด็กแป๊น" มาจากเสียงเวลาบิดมอเตอร์ไซค์ ชอบทำเครื่องยนต์ใหม่ให้มีเสียงดัง และแรงเวลาบิดทีก็ทำให้ชาวบ้าน ชาวช่องปวดหูไปตามๆ กัน ชอบใส่เสื้อรัดรูป กางเกงขาเดฟ ผู้หญิงจะนุ่งขาสั้นชอบซ้อนมอเตอร์ไซค์


14.เด็กผ้าบาง



     เด็กแนวกลุ่มนี้จะนิยมใส่เสื้อเนื้อบางๆ ที่สำคัญต้องทำจากผ้าคอตตอน 50% เท่านั้น 
 
ตัวอย่าการแต่งตัวของวัยรุ่นในประเทศไทย